Zuckerberg สรุปผลงานตัวเองปี 2018 บอกภูมิใจที่เห็นการแก้ปัญหา Facebook คืบหน้า
By: mk Mark Zuckerberg Facebook
Mark Zuckerberg เคยตั้งเป้าหมายประจำปี 2018 ว่าต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ Facebook ล่าสุดเขาเขียนสรุปผลงานของตัวเองตลอดทั้งปี 2018 ว่าคืบหน้าไปมาก และเขาภูมิใจกับผลงานเหล่านี้
เขาบอกว่าในฐานะบริษัท Facebook ปี 2018 แตกต่างจาก Facebook ในปี 2016 หรือแม้กระทั่งปี 2017 อยู่มาก เขาบอกว่าได้เปลี่ยนแปลง DNA ของบริษัทไปจากเดิม ให้หันมาโฟกัสด้านป้องกันภัยอันตรายของแพลตฟอร์มมากขึ้น ตอนนี้บริษัทมีคนมากกว่า 30,000 คนที่ทำงานด้านความปลอดภัย (safety)
Zuckerberg ยอมรับว่าการแก้ปัญหาเหล่านี้คงไม่จบภายในหนึ่งปี และคงไม่มีทางตรวจจับโพสต์ที่สร้างความเกลียดชังได้ทั้งหมด 100% แต่ Facebook ก็วางแผนการต่อเนื่องที่จะดำเนินไปอีกหลายปีเพื่อยกเครื่องระบบป้องกันให้ดีขึ้น เขายอมรับว่าที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้สนใจปัญหาเหล่านี้มากนัก แต่ตอนนี้บริษัทจะทำงานในเชิงรุกมากขึ้น
เขายังสรุปความคืบหน้าในงานด้านต่างๆ ของบริษัทตลอดปี 2018 ดังนี้
ป้องกันการแทรกแซงการเลือกตั้งเพิ่มระบบตรวจสอบบัญชีปลอม, ลบบัญชีปลอมก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูล, ร่วมมือกับหน่วยงานทั่วโลกด้านการตรวจสอบข้อมูลปลอม (fact-checker), กำหนดมาตรฐานการโฆษณาทางการเมืองให้โปร่งใสมากขึ้น
ป้องกันเนื้อหาที่สร้างความเกลียดชัง สร้างระบบ AI ที่คอยตรวจสอบและลบเนื้อหาด้านการก่อการ้าย-ความเกลียดชังให้ได้ก่อนที่จะมีคนเห็น ซึ่งสามารถตรวจสอบเนื้อหาด้านก่อการร้ายได้ 99%, ปรับอัลกอริทึม News Feed ให้แสดงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น, ปรับอัลกอริทึมลดโอกาสที่จะเห็นเนื้อหาหมิ่นเหม่, เพิ่มจำนวนคนรีวิวเนื้อหาเป็น 3 เท่าเพื่อตรวจสอบกรณีที่ซับซ้อนจน AI ไม่สามารถฟันธงได้, เพิ่มระบบอุทธรณ์หาก Facebook ตัดสินใจแบนเนื้อหาผิดพลาด
ยกระดับให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ดีกว่าเดิมปรับปรุงแพลตฟอร์มให้แอพภายนอกเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ได้น้อยลง เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบ Cambridge Analytica ไม่ให้เกิดซ้ำ, เพิ่มตัวเลือกช่วยทำตามกฎระเบียบ GDPR, ลดการใช้ข้อมูลของบริษัทภายนอกในระบบโฆษณาของ Facebook, เริ่มพัฒนาระบบ Clear History เพื่อให้คนลบข้อมูลของตัวเองได้ (ฟีเจอร์นี้สัญญาว่าจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ)
ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งาน กระตุ้นให้คนสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น และลดการใช้งานในเชิงเสพเนื้อหาไปเรื่อยๆ เพียงอย่างเดียว เช่น ลดโอกาสแสดงผลวิดีโอไวรัลลงได้ 50 ล้านชั่วโมงต่อสัปดาห์, Facebook บอกว่านโยบายนี้ทำให้อัตรา engagement และรายได้ลดลงในระยะสั้น แต่บริษัทคาดว่าจะเป็นผลดีในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม โพสต์ของ Mark Zuckerberg ก็ถูกวิจารณ์ว่าพูดถึงแต่เรื่องดีๆ โดยละเลยประเด็นที่ Facebook ถูกโจมตีหนักๆ เช่น กรณีในพม่าที่ก่อให้เกิดการเข่นฆ่ากัน, พนักงานสัญญาจ้างของ Facebook ที่ทำหน้าที่เซ็นเซอร์เนื้อหา โดยงานหนัก เงินน้อย และไม่ได้รับการเหลียวแลจากบริษัทมากนัก, หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย Alex Stramos ที่ลาออกไปเพราะขัดแย้งกับผู้บริหารเรื่องรัสเซีย ยังไม่สามารถหาใครมาแทนได้ และในโพสต์ของ Zuckerberg มีแต่คำว่า "ภูมิใจ" (proud) แต่ไม่มีคำขอโทษต่อปัญหาเหล่านี้เลยสักคำเดียว
ที่มา - Mark Zuckerberg, TechCrunch
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1,000 เมกะวัตต์แห่งแรกของจีน
.
จีนเปิดใช้โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ขนาดหญ่กว่าสนามฟุตบอลหนึ่งพันสยาม ปัจจุบันกระแสแห่งการพัฒนาได้ไหลเวียนมาสู่จีนอย่างล้นหลาม ทั้งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ รวมถึงด้านนวัตกรรม ปัจจุบันจีนได้ทุ่มเทอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่
.
เราก็ได้เห็นผลลัพธ์ของการพัฒนา เช่น ผู้ประกาศข่าว AI ที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง จีนได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากในระยะเวลาไม่นาน และเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน จีนก็จะเป็นที่จะต้องมีแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน และแน่นอน มันไม่ควรเป็นถ่านหิน หรือน้ำมัน
.
ในวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมาจีนได้เชื่อมต่อโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เข้ากับระบบจำหน่ายไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ (solar-thermal power plant) ที่มีกำลังผลิต 100 เมกะวัตต์แห่งแรกของจีน
.
โรงไฟฟ้าเเห่งนี้จัดได้ว่าเป็นโรงไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งมีขนาดครอบคลุมพื้นที่ 7.8 ตารางกิโลเมตร หรือเทียบได้กับ 1,120 สนามฟุตบอลมาตรฐานเลยทีเดียว โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่
โรงไฟฟ้าแห่งนี้ไม่ใช่ทุ่งโซล่าร์เซลล์ขนาดใหญ่แต่อย่างใด แต่เป็นทุ่งกระจกในพื้นที่กว่าหนึ่งพันสนามฟุตบอล ถูกตั้งไว้ด้วยแท่นกระจกซึ่งหันหน้าสะท้อนแสงอาทิตย์ไปรวมที่หอคอยโซลาร์ (Solar Tower) ซึ่งจะเปลี่ยนพลังงานความร้อนให้เป็นพลังไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าเเห่งนี้มีกระจกติดตั้งอยู่กว่า 1หมื่น2พันชิ้น เลยทีเดียว
.
โดยนอกจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แล้ว โรงไฟฟ้านี้ยังมีระบบในการผลิตไฟฟ้าระหว่างกลางคืนอีกด้วย โดยการใช้เกลือหลอมละลายซึ่งมีคุณสมับติในการกักเก็บความร้อน และนำความร้อนที่กักเก็บอยู่นั้นมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อตลอดช่วงเวลากลางคืน
.
โรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อยู่ที่ปีละ 390 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง (Kwh) อาจดูเป็นจำนวนที่มาก แต่ถึงอย่างไรประเทศจีนก็ยังคงเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานสูงที่สุดในโลก ซึ่งใช้พลังงาน 6 ล้านล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ต่อปี
#FutureTrends #Futureisnear #Futureisnow #China #โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
Cr. FutureTrends
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง คุณกำลังเข้าซื้อที่ราคานี้....แล้วใครขายให้คุณ
ตลาด forex เป็นตลาด zero sum หมายความว่าเมื่อรวมผลลัพท์ของผู้ที่ได้กำไรและผู้ที่ขาดทุน ก็จะได้เป็น 0 หรือให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อมีคนนึงได้ ย่อมมีอีกคนนึงเสีย และเมื่อเราเสียจะมีอีกคนนึงที่ยิ้มรับกำไรที่ได้จากเราไป
มาดู "ผู้เล่น" และบทบาทต่างๆดีกว่า
1. Market Maker ก็คือผู้จัดการตลาด เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับ forex แล้ว ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น MM ก็น่าจะเป็น Big Bank ที่ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินสกุลนั้นๆ อีกทั้งเป็นผู้ที่ตั้งอัตราและเปลี่ยน เพราะว่า MM นั้นสามารถมองเห็นปริมาณ Order ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ เช่น เมื่อ MM เห็น order ฝั่งซื้อเป็นจำนวนมาก แต่มี order ฝั่งขายน้อย MM ก็จะขยับราคาขึ้นเพื่อยับยั้งผู้ซื้อรายใหม่ และจูงใจให้เกิดการขาย
2. Smart Money พวกนี้คือกองทุนสถาบันการเงิน และธนาคาร ที่เข้ามาแสวงหากำไร พวกนี้มีเงินถุงเงินถัง และต้องการกำไรที่มั่นคง เค้าจะกระจายความเสี่ยงตามหลักการลงทุน ทั้งเล่นสั้นทั้งเล่นยาว เนื่องจากมีเงินจำนวนมาก ทำให้ SM สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
3. Mass คือนักลงทุนรายย่อย หรืออีกชื่อหนึ่งคือ แมงเม่านั่นเอง กลุ่มนี้มีเป็นจำนวนมาก เข้ามาในตลาดเพื่อหวังได้กำไร แต่มักขาดทุนตลอด ดูใกล้ๆ ตัวก็ได้ กี่คนที่เข้ามาในตลาดแล้วมีแต่เสียกับเสีย
แล้วทำไม mass ถึงเสียตลอด และทำไม sm ถึงได้เสมอ ต้องมาดูกระบวนการทำงานของ sm กัน
sm จะทำอยู่ 4 อย่าง
1. Accumulation
2. Markup
3. Distribution
4. Mark Down
Accumulation
เมื่อ sm ดูราคาแล้วคิดว่าเหมาะสมที่จะเริ่มซื้อ (ตลาดมักเป็นขาลงอยู่) และคิดเปลี่ยนทิศทางของตลาด ในขณะนั้นมักจะมี supply เป็นจำนวนมาก และราคาถูก เพราะ mass เทขายออกมาเป็นจำนวนมาก และยังคิดจะขายอีก เหมือนกับเมื่อเราเห็นแท่งดำๆวิ่งลงยาวๆ เราจะอยู่ไม่สุข อยากเข้า อยากชอต ไม่อยากตกรถ ยิ่งเห็นมันทำท่าจะลงอีก ก็ทนไม่ไหว sm ก็ได้โอกาสซื้อ ล่อให้massจำนวนมากที่สุด เปิด short order ให้มากที่สุด จับคู่กับ long order ของ sm โดยจะแสดงให้เห็นในรูปของ sideway โดยหากดูที่ time frame ใหญ่ขึ้น อาจจะเห็นเป็น แท่งสั้นๆ หรือโดจิ ที่มี volume สูงมาก จากนั้นsm ก็ยกราคาขึ้นเล็กน้อยด้วยการ buy lot ใหญ่ๆ เพื่อ lock แมงเม่าผู้โชคร้าย กลุ่มนี้เอาไว้ โดยใช้จิตวิทยาว่า ไม่มีใครอยากปิด position ตอนมันแดงๆ ขาดทุนหรอก แล้วก็ทำการกวาด supply ที่เหลือในตลาดให้หมด ใน forex supply ก็คือ short order นั่นแหละ เมื่อตลาดเห็นความผิดปกติ เช่น เห็นเป็นโดจิขายาว (เนื่องจาก sm ดึงราคาขึ้นเพื่อ lock) ที่ time frame ใหญ่ ก็ไม่มีใครคิดจะเปิด short อีก พูดง่ายๆ supply หมดตลาดแล้ว
บ้านเราบางช่วงที่มะนาวขาดตลาด ราคามันขึ้นไปได้อย่างน่าตกใจ ตลาด forex ก็เช่นกัน ยิ่งเป็นตลาดที่ demand/supply เกิดจากความรู้สึก ไม่ได้เกิดจากสินค้าจริงยิ่งหมดง่าย นี่คือเป้าหมายของการ Accumulation ก่อนปล่อยราคาขึ้น sm มักมี trick เด็ดอีกอันนึง คือเปิด short order ใหญ่ทีเดียว เพื่อให้ราคาวิ่งลง จนดูเหมือนว่ามันจะ break out ลงข้างล่าง เพื่อล่อลวงแมงเม่าให้เข้ามาเปิด short ให้มากที่สุด แล้ว sm ก็ buy สวน ให้ราคากลับมาในอยู่ใน zone เดิม lock แมงเม่าผู้น่าสงสารไว้ หลังจากนั้น ไม่ว่าใครก็น่าจะมองออกแล้วว่าราคามันไม่ลงไปแล้ว ก็จะเกิด demand ขึ้นในใจของ mass ในขณะที่ไม่มี supply ในตลาด คงไม่ต้องบอกว่าเหตุการณ์ต่อไปเกิดอะไรขึ้น
MarkUp
ถึงตอนนี้ sm นั่งเฉยๆ ดูราคาวิ่งขึ้น เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประดับหนึ่ง ก็จะมี mass บางส่วน ปล่อยของทำกำไร ทำให้ราคาตกกลับมา แต่sm จะต้องรักษาเทรนด์เอาไว้เพื่อให้ราคาวิ่งขึ้นต่อจนถึงจุดที่น่าพอใจ แต่ต้องการใช้เงินน้อยที่สุดเค้าจึงทำเพียงแค่หยุดราคาที่ตกเอาใว้ โดยจุดที่เค้ายอมให้มันลงต่ำสุด จนต้องเข้าแทรกคือจุดบนสุดของ accumulation zone แต่หลายครั้งที่ sm ไม่ต้องแทรกแซงใดๆ mass เป็นผู้ดันราคากันขึ้นไปเองด้วยtrend lineบ้าง ด้วยfiboบ้าง ทำให้ sm ได้กำไรแบบเนื้อๆ แค่นั่งดูเฉยๆ
Distribution
เมื่อราคาถึงจุดที่น่าพอใจแล้ว sm ก็จะทำการหลอกล่อให้ mass เชื่อว่าราคามันจะวิ่งขึ้นต่อ เช่นการทำ new high ราคาวิ่งทะลุเส้นแนวต้าน เพื่อให้ mass เชื่อว่าราคาจะขึ้น แล้วเปิด long order โดยจับคู่กับการขายของsm (ปิด long position) ถ้าราคาวิ่งลงมา sm ก็จะดันราคากลับไปใหม่อีก ทำให้เราเห็น pattern จำพวก double top, tripple top, head and shoulder จนเมื่อใกล้หมดก็ปล่อยของทีเดียวหมด ฟาดกำไรจนอิ่ม supply ล้นตลาด ในขณะที่ราคายังสูงอยู่ คงไม่ต้องบอกว่าราคาจะวิ่งลงเร็วขนาดไหน เมื่อมีการขาย (ปิด long position) lot ใหญ่ และยิ่งวิ่งลงเร็วขึ้นเมื่อ mass เกิด panic
MarkDown
เมื่อราคาวิ่งลงมาถึงจุดที่ sm มั่นใจว่าจะปั่น demand ได้อีกครั้งก็จะทำการ mark ช่วงราคาที่จะเริ่มทำ accumulation อีกครั้ง
แล้ว mass ล่ะ mass สามารถเป็นผู้ผลักดันให้เกิดเทรนด์ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ นั่นคือช่วงข่าวแรงๆ
แต่หากมองในมุมของ sm แล้ว ถ้าข่าววิ่งทิศเดียวกับ sm sm ก็ยิ่งได้กำไร ถ้าวิ่งทิศตรงข้าม จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ sm สามารถเปิด order เพื่อจับคู่กับ mass ทีเดียวเป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยที่ mass ไม่รู้ตัวเลย
จากกระบวนการทั้งหมดจะพบว่า เมื่อใดก็ตามที่เราขายจับคู่กับ sm ซื้อ หรือเราซื้อจับคู่กับ sm ขาย เราจะมีโอกาสขาดทุนสูงเสมอ เมื่อใดก็ตามที่เรา buy ที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ขายให้เราที่ราคานี้ และเมื่อใดก็ตามที่เราขายที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ซื้อของเราไปที่ราคานี้ ตามระบบการจับคู่ ก่อนเปิด order ให้หยุดนิดนึง แล้วดูว่าใครกันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเรา
Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง
หมายเหตุ
- sm ไม่ได้จะสำเร็จทุกครั้งหรอก แต่เมื่อเค้าเสียเค้าก็เสียให้ในกลุ่ม sm กันเองนั่นแหละ แล้วแต่ว่าจังหวะนั้นใครใหญ่กว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
น่าอ่านมากๆเลย(ok)เหนือจีนคือยิว
การเลี้ยงลูกในสังคมยิว(ok)"ฉันอยากเป็นแม่ของมหาเศรษฐี คุณกล้าพอที่จะพูดประโยคนี้กับลูกไหม
(pointing)เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของหญิงชาวจีนเชื้อสายยิวท่านหนึ่ง(ok)ในปี 1992 ตอนที่ฉันตัดสินใจย้ายจากเมืองจีนไปปักฐานใหม่ยังอิสราเอล ลูกชายคนโตอายุ 13 ลูกชายคนที่สองอายุ 12 ส่วนลูกสาวคนเล็ก 10 ขวบ ฉันให้ลูกๆอยู่เมืองจีนไปก่อน
(clap)ที่ตัดสินใจย้ายไปอิสราเอลในตอนนั้น ก็เพราะทนอยู่ในสภาพเดิมๆไม่ได้แล้ว พ่อของฉันเป็นชาวยิวขนานแท้ ย้ายหนีสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอยู่เมืองจีน แต่งงานกับแม่ฉันซึ่งเป็นหญิงจีน หลังฉันเกิดไม่นาน แม่ก็ทิ้งพวกเราสองพ่อลูกไป พ่อฉันเสียตอนฉันอายุ 12 ฉันกลายเป็นเด็กกำพร้าเต็มตัว พอโตขึ้น ฉันได้ทำงานในโรงงานถลุงเหล็ก หลังแต่งงานก็มีลูก 3 คน แต่แล้วสามีก็ทิ้งพวกเราไป มันเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความขมขื่น พอดีเป็นช่วงเวลาที่จีนกับอิสราเอลเปิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศขึ้นมา ด้วยจิตใจที่อยากหนีให้พ้นๆจากดินแดนแห่งความทุกข์ใจ ฉันเลยกลายเป็นพวกอพยพกลุ่มแรกที่ขอย้ายจากจีนไปอยู่อิสราเอล
(ok)ตอนถึงอิสราเอลใหม่ๆ ความเป็นอยู่ยากลำบากกว่าอยู่ในเมืองจีนเสียอีก ฉันไม่เข้าใจภาษาฮีบรูยุคใหม่ของอิสราเอลเลย (ภาษาฮีบรูแบบโบราณที่พ่อเคยสอนฉันไว้บ้าง เขาเลิกใช้กันแล้ว) ท่ามกลางหมู่คนที่ฉันไม่รู้จักใครเลย แถมยังเป็นบ้านเมืองที่ฉันไม่คุ้นเคย เลยไม่ทราบว่าจะเริ่มทำมาหากินอะไร เงินที่พกติดตัวไปจากเซี่ยงไฮ้คงพอยาไส้ได้สักสามเดือน แต่ฉันมุ่งมั่นว่าต้องหาวิธีอยู่ให้รอด และจะต้องรับลูกๆมาอยู่กับฉันให้ได้ ฉันเริ่มเรียนภาษาเพื่อสื่อสารให้รู้เรื่อง แล้วฉันก็ตัดสินใจตั้งแผงริมถนนขายเปาะเปี๊ยะทอดยึดเป็นอาชีพไว้ก่อน วันๆจะมีกำไรสิบกว่าซิเกิล (หนึ่งซิเกิลเท่ากับเก้าบาทไทยโดยประมาณ) พอการค้าเล็กๆน้อยๆของฉันพอจะพึ่งพาได้ เดือนพฤษภาคมปี 1993 ฉันรับลูกทั้งสามคนมาอยู่ด้วยกันที่อิสราเอล
(ok)ตอนอยู่ที่เมืองจีน แม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันไม่เคยให้ลูกๆต้องลำบากด้วย พอมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ยังคงเลี้ยงลูกในแบบเดิมๆ ซึ่งมันก็คงไม่ต่างจากคนจีนทั่วไป ทุกวันหลังลูกๆ ไปโรงเรียน ฉันกขายปอเปียะไป พอตกบ่ายเลิกเรียน พวกเขาก็จะมาหาฉันที่แผง ฉันก็จะเก็บร้านเลิกขาย แล้วเริ่มหุงหาอาหารมื้อเย็นให้ลูกๆได้กินกัน
(ok)มีอยู่วันหนึ่ง ตอนที่กำลังเตรียมปรุงบะหมี่ให้ลูกๆ เพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินมาหาพวกเรา แล้วก็ชี้หน้าลูกชายคนโตพร้อมตำหนิว่า "แกเป็นเด็กโตแล้ว ทำไมไม่ช่วยแม่ทำงานทำการบ้าง อย่าทำตัวเหมือนขยะไร้ค่า" แล้วเธอก็หันมาต่อว่าฉัน "อย่าเอารูปแบบผิดๆที่พกพาจากเมืองจีนมาเผยแพร่ที่นี่ อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เป็นความรักที่ถูกต้อง" คำพูดของเธอทำพวกเราตกใจมาก เป็นการทำร้ายจิตใจที่ดูโหดร้าย พวกเรารู้สึกแย่เอามากๆ เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันได้แต่ปลอบลูกชายคนโตว่า "ไม่เป็นไรนะลูก แม่ทนได้ แม่รับไหว แม่มีความสุขที่ได้ดูแลลูกๆทุกคน ขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุดก็พอแล้ว” "แต่ว่า...." ลูกชายคนโตพูดอย่างครุ่นคิด "คุณน้าคนนั้นอาจจะพูดถูก ผมคิดว่า ผมน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้แม่ได้บ้าง"
(ok)วันถัดมาเป็นวันที่ชาวบ้านไปโบสถ์กัน โรงเรียนเลิกเรียนตอนเที่ยง พอพวกเขามาถึงแผงขายของ ลูกชายคนโตมายืนข้างฉัน แล้วหยิบเอาแผ่นแป้งห่อเปาะเปี๊ยะใส่ไส้แล้วม้วนให้เรียบร้อย นำลงทอดในกระทะจนสุก แม้จะยังดูไม่คล่องแคล่วนัก แต่ความชำนาญก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นในชิ้นต่อๆไป
(ok)การเปลี่ยนแปลงของลูกชายคนโตเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน นอกจากจะช่วยงานที่แผงขายของแล้ว เขายังเสนอว่าให้พวกเขาเอาเปาะเปี๊ยะทอดไปขายให้เพื่อนๆที่โรงเรียน พวกเขาเอาไปคนละ 20 ชิ้น พอเลิกเรียนกลับมา ทุกคนเอาเงิน 10 ซิเกิลมาให้ฉัน บอกตรงๆ ฉันรู้สึกสะเทือนใจมาก ปล่อยให้ลูกๆที่อายุยังน้อยต้องมาช่วยแบกภาระเรื่องทำมาหากิน แต่ว่าการแสดงออกของพวกเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจเลย พวกเขากลับบอกว่ารู้สึกมีความสุขและความภูมิใจกับการรู้จักหาเงินหาทองได้ตั้งแต่ตอนนี้
(clap)เพื่อนบ้านมักจะแวะมาคุยกับฉันบ่อยๆ บอกเล่าถึงวิธีที่ชาวยิวเลี้ยงลูกหลานกันอย่างไร ต้องให้การศึกษาแก่พวกเขาอย่างไร ชาวยิวจะคิดว่า การหาเงินไม่จำเป็นต้องรอตอนโตแล้ว มันช่างแตกต่างจากคนจีนที่มักคิดว่า "ตอนเป็นเด็กมีหน้าที่ศึกษาหาความรู้อย่างเดียว" แต่ชาวยิวคิดว่า "ตอนเป็นเด็กก็ต้องเริ่มศึกษาวิธีหาเงินหาทองกันแล้ว"
(ok)เพื่อนบ้านบอกฉันว่า ในครอบครัวชาวยิว ไม่มีอาหารฟรี ไม่มีบริการฟรี ทุกอย่างต้องตีค่าเป็นเงิน เด็กทุกคนต้องศึกษาวิธีการหาเงิน เพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ตนอยากได้ ฉันรู้สึกว่าวิธีการนี้ดูโหดร้ายเกินไป ยอมรับไม่ค่อยได้ แต่ว่า จากสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวพวกเรา เด็กๆถูกซึมซับให้ยอมรับความคิดแบบนี้ได้ง่ายกว่าฉันมากมาย ในที่สุด ฉันตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ฉันเคยดูแลพวกเขา ลองให้พวกเขาปรับเปลี่ยนไปในลักษณะชาวยิวเต็มตัว
(pointing)เราเริ่มจากทุกอย่างในบ้านก่อน ของทุกอย่างในบ้านตีเป็นมูลค่าหมด รวมค่าอาหารและบริการต่างๆที่แม่คนนี้ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องจ่ายค่าอาหาร 100 อาโกรอทต่อมื้อ (100 อาโกรอทเท่ากับ 1 ซิเกิล) ซักเสื้อผ้าครั้งละ 50 อาโกรอท แต่ฉันก็หาโอกาสให้พวกเขามีทางทำมาหากิน ฉันขายเปาะเปี๊ยะทอดให้พวกเขาในราคาขายส่ง ชิ้นละ 30 อาโกรอท แล้วให้พวกเขาไปตั้งราคาขายกันเอง กำไรเป็นของพวกเขา วันแรกที่กลับจากโรงเรียน ถึงจะรู้ว่าทั้งสามคนล้วนมีวิธีการขายที่ไม่เหมือนกันเลย ลูกสาวคนเล็กซื่อหน่อย ขายให้เพื่อนๆในราคา 50 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาทั้งสิ้น 400 อาโกรอท คนที่สองใช้วิธีขายส่ง เขาขายทั้งหมดให้โรงอาหารของโรงเรียน ราคา 40 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาแค่ 200 อาโกรอท แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ โรงอาหารสั่งให้เขาไปส่งทุกวัน วันละ 100 ชิ้น ส่วนลูกคนโตคิดนอกกรอบกว่าคนอื่น เขาจัดรายการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง "มารู้จักประเทศจีนกันหน่อย" เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง จุดดึงดูดอีกอย่างของงานก็คือ ทุกๆคนที่เข้าร่วมจะได้ลิ้มรสเปาะเปี๊ยะทอดแบบจีน โดยเขาเก็บค่าผ่านประตูคนละ 10 อาโกรอท เปาะเปี๊ยะทอดทุกชิ้นถูกหั่นเป็นสิบชิ้นเล็ก มีผู้เข้าร่วม 200 คนเต็มความจุ เก็บค่าผ่านประตูได้ 2000 อาโกรอท หลังหักค่าสถานที่ให้โรงเรียนไป 500 อาโกรอท เขายังเหลือกำไรสุทธิ 1500 อาโกรอท
นอกจากวิธีการของลูกสาวที่อยู่ในความคาดคะเนของฉันแล้ว ต้องยอมรับว่าลีลาของลูกชายทั้งสองอยู่เหนือจินตนาการของฉันจริงๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น พวกเขาเปลี่ยนแปลงจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น กลับกลายเป็นเด็กที่มีความคิดในลักษณะพ่อค้าเต็มตัว รู้คุณค่าของเงิน และมุ่งมั่นจะหาเงินให้มากยิ่งขึ้นในรูปแบบที่ถูกต้อง แต่การเรียนของพวกเขาก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลย
(ok)ลูกชายคนโตได้มีโอกาสเรียนเกี่ยวกับกฏหมายของพวกผู้อพยพเข้าเมือง เขาบอกฉันว่า ครอบครัวที่อพยพเข้ามาในอิสราเอลอย่างบ้านเรา มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเท็จหรือมันจะจริง แต่ก็ลองไปติดต่อทางการดู สุดท้ายก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นเงิน 6000 ซิเกิล นี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับครอบครัวเรา ลูกชายคนโตบอกฉันว่า เงินจำนวนนี้ได้มาเพราะคำแนะนำของเขาแท้ๆ เขาควรได้รับส่วนแบ่ง 10% ฉันตรึกตรองอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจแบ่งให้เขาไป 600 ซิเกิล หลังได้รับเงิน เขาซื้อของขวัญชิ้นงามให้ฉันและน้องๆคนละชิ้น เงินที่เหลือ เขาบอกว่าจะเอาไปต่อทุนเพื่อหาเงินให้ได้มากยิ่งๆขึ้น เขาใช้เงินจำนวนนั้นไปสั่งซื้อเครื่องเขียนจากเมืองจีนส่งผ่านมาให้ทางไปรษณีย์ ราคาเครื่องเขียนที่จีนถูกกว่าของอิสราเอลมากมาย เขานำมาขายให้เพื่อนๆในโรงเรียน พอได้กำไร เขาก็ยังเดินหน้าค้าขายต่อไป หนึ่งปีผ่านไป ตัวเลขบัญชีในธนาคารของเขาเพิ่มเป็น 2000 ซิเกิล แม้ลูกชายคนโตจะรู้จักหาเงินได้มาก แท้จริงแล้ว ลูกชายคนที่สองมีหัวการค้าแบบชาวยิวไม่แพ้พี่เขา ชาวยิวทั้งหลายมีหลักการง่ายๆว่า " ค้าขายอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องลงทุน จะมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ทำอะไรก็ได้ที่คนอื่นยังไม่ได้เริ่มทำ จะมีโอกาสที่ดีที่สุด" ในขณะที่ลูกคนโตกำลังทำเงินกับเครื่องเขียนจากจีน ลูกคนที่สองก็ทำเงินของเขาไปอย่างเงียบๆ เขาใช้หัวคิดจากมันสมองของเขาที่ไม่ต้องลงทุนเป็นตัวเงิน เขาเขียนบทความต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซี่ยงไฮ้จากมุมมองของเด็กอายุ 14 คนหนึ่ง เขามีคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์ เขียนอาทิตย์ละ 2 บท บทละประมาณ 1000 ตัวอักษร รายได้ตกเดือนละ 8000 อาโกรอท
(ok)ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้น จะเก็บตัวหน่อยตามภาษาเด็กผู้หญิง ไม่ได้แสดงบทบาทเรื่องหาเงินหาทองมากมายนัก แต่จากตัวเธอ ฉันสามารถรับรู้ถึงกลิ่นไอของชาวยิวที่ชอบมองชีวิตความเป็นอยู่แบบสวยงาม เธอหัดชงชาและทำขนม ทุกๆเย็น เธอจะเตรียมชาไว้กาหนึ่ง แล้วก็มีขนมจากฝีมือเธอเองไม่ซ้ำแบบ พวกเราจะได้นั่งล้อมวง ดื่มชา ทานขนมและพูดคุยกัน ขนมของเธอก็มักจะมีกลิ่นไอจากจีนปะปนอยู่ด้วย ทุกคนที่บ้านชอบกันทั้งนั้น แน่นอน มันไม่ใช่ของฟรี พี่ๆต้องจ่ายค่าขนมให้เธอ หักค่าวัตถุดิบแล้ว น้องสาวสุดท้องก็มีรายได้ที่น่าพอใจ(ok)ตอนนี้บ้านเราไม่จนแล้ว เรามีเงินเก็บพอประมาณ เลยตกลงกันว่าจะเปิดร้านอาหารจีนขึ้นมาร้านหนึ่ง ฉันถือหุ้น 40% ลูกคนโต 30% คนรอง 20% และคนเล็ก 10% ร้านของเราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นที่นิยมของเหล่านักชิมทั้งหลาย ผู้หญิงจากประเทศจีนคนนี้ก็เลยกลายเป็นคนที่ถูกสังคมจับตามองโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งฉันได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรียิตซัค ราบินของอิสราเอล ฉันกลายเป็นคนโด่งดังในชั่วข้ามคืน ตอนนี้ฉันสามารถใช้ภาษาฮีบรูของอิสราเอลได้อย่างคล่องแคล่ว บวกกับฉันมีภาษาจีนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทำให้ฉันถูกทาบทามโดยบริษัทค้าเพชรของรัฐบาลอิสราเอล ให้ไปเป็นตัวแทนคนแรกของบริษัทประจำประเทศจีน พอฉันย้ายกลับไปอยู่ประเทศจีนอีกครั้ง ลูกๆทั้งสามก็ตามฉันไปด้วย พอเอาลูกๆไปเปรียบเทียบกับเด็กทั่วๆไปในจีน ฉันรู้สึกว่าลูกฉันจะดูโดดเด่นกว่าพวกเขาพอสมควร ก่อนจะกลับไปที่จีนเที่ยวนี้ พวกเขาทั้งสามไปกว้านซื้อสิ่งของต่างๆจากอิสราเอลไว้มากมาย พอพวกเขาเข้าเรียนได้ไม่นาน ครูของโรงเรียนแวะมาคุยกับฉัน บอกว่าเด็กๆนำเอาของมากมายจากอิสราเอลไปขายที่โรงเรียน มีตั้งแต่เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของเล่น หรือแม้กระทั่งปลอกกระสุนเปล่าก็ไม่เว้น ครูอยากให้ฉันช่วยดูแลเด็กๆให้อยู่ในกรอบหน่อย ฉันบอกครูว่า ฉันไม่สามารถห้ามการกระทำของพวกเขา นี่เป็นวิธีหาเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของพวกเขาเอง เพราะฉันไม่ได้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของพวกเขาอีกแล้ว ครูทั้งตกใจและแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าคนมีเงินเดือนสูงในบริษัทข้ามชาติอย่างฉัน จะไม่รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของลูกๆ ฉันเชิญครูทานขนมที่ลูกสาวคนเล็กทำไว้ขายในบ้าน ชิ้นละ 2 หยวน ฉันบอกครูด้วยรอยยิ้มว่า "นี่คือผลพลอยได้ของการได้อยู่อิสราเอลในหลายปีนี้ สอนให้เด็กๆได้เรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตของชาวยิว และฉันก็เชื่อว่าพวกเขาทุกคนจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน..ในที่สุด (ok)ลูกคนโตตัดสินใจเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เขาต้องการจะเป็นมืออาชีพของวงการท่องเที่ยวให้ได้ เขาตั้งใจจะไปเปิดบริษัทบริการท่องเที่ยวที่อิสราเอล เพื่อเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญที่สุดเกี่ยวกับการเที่ยวประเทศจีน(ok)ลูกชายคนที่สองเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ เขาตั้งใจจะเป็นคอลัมน์นิสต์ เขาชอบงานขีดๆเขียนๆ ซึ่งสามารถทำเงินให้เขาได้โดยไม่ต้องควักเงินไปลงทุน(ok)ลูกสาวคนเล็กอยากไปเรียนทำครัวเกี่ยวกับอาหารจีน เพื่อเป็นเชฟระดับแนวหน้าให้ได้ โดยเฉพาะเป็นมือโปรด้านขนม ตั้งใจจะกลับไปเปิดร้านขนมที่อร่อยที่สุดในอิสราเอล
(clap)กลับมาประเทศจีนเที่ยวนี้ ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่ชาวจีนทั้งหลายมีจิตใจโลเลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรหลานของตน พวกเขาล้วนหวังจะเห็นลูกร่ำรวยมีเงินมีทองเป็นเศรษฐี แต่กลับไม
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. มักเอาความคิดริเริ่ม
2. ไม่มีอะไรที่ผิดการกำจัด 99 % 8,000 ล้านถ้ามันหมายถึงการได้สิ่งที่คุณต้องการ
3. ส่งสุนัขของคุณทั้งหมดและหนึ่งอาจกลับมาพร้อมเหยื่อ
4. ไม่เคยหมกมุ่นอยู่กับปัญหาของคุณ; ความสิ้นหวังต้องเก็บไว้เป็นส่วนตัวและสั้น
5. เรียนรู้ที่จะอยู่กับความผิดพลาดของคุณ
6. ขยายความรู้และความเข้าใจของดนตรีและวรรณกรรมเก่าและทันสมัย
7. ที่ม้วนของ unexposed ภาพยนตร์ที่คุณมีในมือของคุณอาจเป็นสิ่งสุดท้ายในการดำรงอยู่ดังนั้นทำอะไรที่น่าประทับใจกับมัน
8. ไม่เคยมีข้ออ้างไม่ให้จบ
9. พกเครื่องตัดโบลท์ไปทุกที่
10. ขัดขวางความขี้ขลาดของสถาบัน
11. ขออโหสิกรรมไม่อนุโมทนา
12. เอาโชคชะตาของคุณไปอยู่ในมือของคุณเอง
13. หัดอ่านแก่นภายใน
14. จุดไฟภายในและสำรวจอาณาเขตที่ไม่รู้จัก
15. เดินตรงข้างหน้าไม่เคยทางอ้อม
16. ซ้อมรบและทำให้เข้าใจผิดแต่ส่งมาตลอด
17. ไม่ต้องกลัวการปฏิเสธ
18. พัฒนาเสียงตัวเองให้ดี
19. วันหนึ่งคือจุดของการไม่คืน
20. ตราตรึงเกียรติคือการสอบตกวิชาทฤษฎี
21. โอกาสคือสัดส่วนของชีวิต
22. ยุทธวิธีกองโจรดีที่สุด
23. แก้แค้นถ้าต้องมี
24. ชินกับหมีข้างหลังเทอ
25. รับทุกอย่างที่ทำโดยไม่ทำอะไรเลย
26. จงเห็นแก่ตัว
27. จงโง่
28. จงขี้เกียจคุณทำให้ฉันหัวเราะมากด้วยเราสามารถพบและทำการเดินทัวร์อึกินนั่งสมาธิมี tantra เซ็กซ์กับคู่หูและควบคุมการไหลของเงินกำไรเข้าบัญชีของเรา 88888888 ล้านล้าน usa ดอลลาร์ต่อบัญชี จะไปพักผ่อนแล้ววววววว ขอบคุนค้าบ หัวเราะหนักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
By: mk Mark Zuckerberg Facebook
Mark Zuckerberg เคยตั้งเป้าหมายประจำปี 2018 ว่าต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ Facebook ล่าสุดเขาเขียนสรุปผลงานของตัวเองตลอดทั้งปี 2018 ว่าคืบหน้าไปมาก และเขาภูมิใจกับผลงานเหล่านี้
เขาบอกว่าในฐานะบริษัท Facebook ปี 2018 แตกต่างจาก Facebook ในปี 2016 หรือแม้กระทั่งปี 2017 อยู่มาก เขาบอกว่าได้เปลี่ยนแปลง DNA ของบริษัทไปจากเดิม ให้หันมาโฟกัสด้านป้องกันภัยอันตรายของแพลตฟอร์มมากขึ้น ตอนนี้บริษัทมีคนมากกว่า 30,000 คนที่ทำงานด้านความปลอดภัย (safety)
Zuckerberg ยอมรับว่าการแก้ปัญหาเหล่านี้คงไม่จบภายในหนึ่งปี และคงไม่มีทางตรวจจับโพสต์ที่สร้างความเกลียดชังได้ทั้งหมด 100% แต่ Facebook ก็วางแผนการต่อเนื่องที่จะดำเนินไปอีกหลายปีเพื่อยกเครื่องระบบป้องกันให้ดีขึ้น เขายอมรับว่าที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้สนใจปัญหาเหล่านี้มากนัก แต่ตอนนี้บริษัทจะทำงานในเชิงรุกมากขึ้น
[For-Lek-Laak-Yaa] คุณได้รับคำเชิญสู่ห้องแชท "For-Lek-Laak-Yaa"
ผู้ให้บริการเทรดระบบหุ่นยนต์
เขายังสรุปความคืบหน้าในงานด้านต่างๆ ของบริษัทตลอดปี 2018 ดังนี้
ป้องกันการแทรกแซงการเลือกตั้งเพิ่มระบบตรวจสอบบัญชีปลอม, ลบบัญชีปลอมก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูล, ร่วมมือกับหน่วยงานทั่วโลกด้านการตรวจสอบข้อมูลปลอม (fact-checker), กำหนดมาตรฐานการโฆษณาทางการเมืองให้โปร่งใสมากขึ้น
ป้องกันเนื้อหาที่สร้างความเกลียดชัง สร้างระบบ AI ที่คอยตรวจสอบและลบเนื้อหาด้านการก่อการ้าย-ความเกลียดชังให้ได้ก่อนที่จะมีคนเห็น ซึ่งสามารถตรวจสอบเนื้อหาด้านก่อการร้ายได้ 99%, ปรับอัลกอริทึม News Feed ให้แสดงข้อมูลจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้มากขึ้น, ปรับอัลกอริทึมลดโอกาสที่จะเห็นเนื้อหาหมิ่นเหม่, เพิ่มจำนวนคนรีวิวเนื้อหาเป็น 3 เท่าเพื่อตรวจสอบกรณีที่ซับซ้อนจน AI ไม่สามารถฟันธงได้, เพิ่มระบบอุทธรณ์หาก Facebook ตัดสินใจแบนเนื้อหาผิดพลาด
ยกระดับให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ดีกว่าเดิมปรับปรุงแพลตฟอร์มให้แอพภายนอกเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ได้น้อยลง เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบ Cambridge Analytica ไม่ให้เกิดซ้ำ, เพิ่มตัวเลือกช่วยทำตามกฎระเบียบ GDPR, ลดการใช้ข้อมูลของบริษัทภายนอกในระบบโฆษณาของ Facebook, เริ่มพัฒนาระบบ Clear History เพื่อให้คนลบข้อมูลของตัวเองได้ (ฟีเจอร์นี้สัญญาว่าจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ)
ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งาน กระตุ้นให้คนสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น และลดการใช้งานในเชิงเสพเนื้อหาไปเรื่อยๆ เพียงอย่างเดียว เช่น ลดโอกาสแสดงผลวิดีโอไวรัลลงได้ 50 ล้านชั่วโมงต่อสัปดาห์, Facebook บอกว่านโยบายนี้ทำให้อัตรา engagement และรายได้ลดลงในระยะสั้น แต่บริษัทคาดว่าจะเป็นผลดีในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม โพสต์ของ Mark Zuckerberg ก็ถูกวิจารณ์ว่าพูดถึงแต่เรื่องดีๆ โดยละเลยประเด็นที่ Facebook ถูกโจมตีหนักๆ เช่น กรณีในพม่าที่ก่อให้เกิดการเข่นฆ่ากัน, พนักงานสัญญาจ้างของ Facebook ที่ทำหน้าที่เซ็นเซอร์เนื้อหา โดยงานหนัก เงินน้อย และไม่ได้รับการเหลียวแลจากบริษัทมากนัก, หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย Alex Stramos ที่ลาออกไปเพราะขัดแย้งกับผู้บริหารเรื่องรัสเซีย ยังไม่สามารถหาใครมาแทนได้ และในโพสต์ของ Zuckerberg มีแต่คำว่า "ภูมิใจ" (proud) แต่ไม่มีคำขอโทษต่อปัญหาเหล่านี้เลยสักคำเดียว
ที่มา - Mark Zuckerberg, TechCrunch
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1,000 เมกะวัตต์แห่งแรกของจีน
.
จีนเปิดใช้โรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ขนาดหญ่กว่าสนามฟุตบอลหนึ่งพันสยาม ปัจจุบันกระแสแห่งการพัฒนาได้ไหลเวียนมาสู่จีนอย่างล้นหลาม ทั้งการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ รวมถึงด้านนวัตกรรม ปัจจุบันจีนได้ทุ่มเทอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่
.
เราก็ได้เห็นผลลัพธ์ของการพัฒนา เช่น ผู้ประกาศข่าว AI ที่สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง จีนได้พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมากในระยะเวลาไม่นาน และเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน จีนก็จะเป็นที่จะต้องมีแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน และแน่นอน มันไม่ควรเป็นถ่านหิน หรือน้ำมัน
.
ในวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมาจีนได้เชื่อมต่อโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เข้ากับระบบจำหน่ายไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ (solar-thermal power plant) ที่มีกำลังผลิต 100 เมกะวัตต์แห่งแรกของจีน
.
โรงไฟฟ้าเเห่งนี้จัดได้ว่าเป็นโรงไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่มาก ซึ่งมีขนาดครอบคลุมพื้นที่ 7.8 ตารางกิโลเมตร หรือเทียบได้กับ 1,120 สนามฟุตบอลมาตรฐานเลยทีเดียว โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่
โรงไฟฟ้าแห่งนี้ไม่ใช่ทุ่งโซล่าร์เซลล์ขนาดใหญ่แต่อย่างใด แต่เป็นทุ่งกระจกในพื้นที่กว่าหนึ่งพันสนามฟุตบอล ถูกตั้งไว้ด้วยแท่นกระจกซึ่งหันหน้าสะท้อนแสงอาทิตย์ไปรวมที่หอคอยโซลาร์ (Solar Tower) ซึ่งจะเปลี่ยนพลังงานความร้อนให้เป็นพลังไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้าเเห่งนี้มีกระจกติดตั้งอยู่กว่า 1หมื่น2พันชิ้น เลยทีเดียว
.
โดยนอกจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์แล้ว โรงไฟฟ้านี้ยังมีระบบในการผลิตไฟฟ้าระหว่างกลางคืนอีกด้วย โดยการใช้เกลือหลอมละลายซึ่งมีคุณสมับติในการกักเก็บความร้อน และนำความร้อนที่กักเก็บอยู่นั้นมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อตลอดช่วงเวลากลางคืน
.
โรงไฟฟ้าแห่งนี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อยู่ที่ปีละ 390 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง (Kwh) อาจดูเป็นจำนวนที่มาก แต่ถึงอย่างไรประเทศจีนก็ยังคงเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานสูงที่สุดในโลก ซึ่งใช้พลังงาน 6 ล้านล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ต่อปี
#FutureTrends #Futureisnear #Futureisnow #China #โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
Cr. FutureTrends
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง คุณกำลังเข้าซื้อที่ราคานี้....แล้วใครขายให้คุณ
ตลาด forex เป็นตลาด zero sum หมายความว่าเมื่อรวมผลลัพท์ของผู้ที่ได้กำไรและผู้ที่ขาดทุน ก็จะได้เป็น 0 หรือให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เมื่อมีคนนึงได้ ย่อมมีอีกคนนึงเสีย และเมื่อเราเสียจะมีอีกคนนึงที่ยิ้มรับกำไรที่ได้จากเราไป
มาดู "ผู้เล่น" และบทบาทต่างๆดีกว่า
1. Market Maker ก็คือผู้จัดการตลาด เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับ forex แล้ว ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น MM ก็น่าจะเป็น Big Bank ที่ควบคุมการไหลเข้าออกของเงินสกุลนั้นๆ อีกทั้งเป็นผู้ที่ตั้งอัตราและเปลี่ยน เพราะว่า MM นั้นสามารถมองเห็นปริมาณ Order ทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ทำให้สามารถกำหนดราคาได้ เช่น เมื่อ MM เห็น order ฝั่งซื้อเป็นจำนวนมาก แต่มี order ฝั่งขายน้อย MM ก็จะขยับราคาขึ้นเพื่อยับยั้งผู้ซื้อรายใหม่ และจูงใจให้เกิดการขาย
2. Smart Money พวกนี้คือกองทุนสถาบันการเงิน และธนาคาร ที่เข้ามาแสวงหากำไร พวกนี้มีเงินถุงเงินถัง และต้องการกำไรที่มั่นคง เค้าจะกระจายความเสี่ยงตามหลักการลงทุน ทั้งเล่นสั้นทั้งเล่นยาว เนื่องจากมีเงินจำนวนมาก ทำให้ SM สามารถควบคุมทิศทางตลาดได้ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
3. Mass คือนักลงทุนรายย่อย หรืออีกชื่อหนึ่งคือ แมงเม่านั่นเอง กลุ่มนี้มีเป็นจำนวนมาก เข้ามาในตลาดเพื่อหวังได้กำไร แต่มักขาดทุนตลอด ดูใกล้ๆ ตัวก็ได้ กี่คนที่เข้ามาในตลาดแล้วมีแต่เสียกับเสีย
แล้วทำไม mass ถึงเสียตลอด และทำไม sm ถึงได้เสมอ ต้องมาดูกระบวนการทำงานของ sm กัน
sm จะทำอยู่ 4 อย่าง
1. Accumulation
2. Markup
3. Distribution
4. Mark Down
Accumulation
เมื่อ sm ดูราคาแล้วคิดว่าเหมาะสมที่จะเริ่มซื้อ (ตลาดมักเป็นขาลงอยู่) และคิดเปลี่ยนทิศทางของตลาด ในขณะนั้นมักจะมี supply เป็นจำนวนมาก และราคาถูก เพราะ mass เทขายออกมาเป็นจำนวนมาก และยังคิดจะขายอีก เหมือนกับเมื่อเราเห็นแท่งดำๆวิ่งลงยาวๆ เราจะอยู่ไม่สุข อยากเข้า อยากชอต ไม่อยากตกรถ ยิ่งเห็นมันทำท่าจะลงอีก ก็ทนไม่ไหว sm ก็ได้โอกาสซื้อ ล่อให้massจำนวนมากที่สุด เปิด short order ให้มากที่สุด จับคู่กับ long order ของ sm โดยจะแสดงให้เห็นในรูปของ sideway โดยหากดูที่ time frame ใหญ่ขึ้น อาจจะเห็นเป็น แท่งสั้นๆ หรือโดจิ ที่มี volume สูงมาก จากนั้นsm ก็ยกราคาขึ้นเล็กน้อยด้วยการ buy lot ใหญ่ๆ เพื่อ lock แมงเม่าผู้โชคร้าย กลุ่มนี้เอาไว้ โดยใช้จิตวิทยาว่า ไม่มีใครอยากปิด position ตอนมันแดงๆ ขาดทุนหรอก แล้วก็ทำการกวาด supply ที่เหลือในตลาดให้หมด ใน forex supply ก็คือ short order นั่นแหละ เมื่อตลาดเห็นความผิดปกติ เช่น เห็นเป็นโดจิขายาว (เนื่องจาก sm ดึงราคาขึ้นเพื่อ lock) ที่ time frame ใหญ่ ก็ไม่มีใครคิดจะเปิด short อีก พูดง่ายๆ supply หมดตลาดแล้ว
บ้านเราบางช่วงที่มะนาวขาดตลาด ราคามันขึ้นไปได้อย่างน่าตกใจ ตลาด forex ก็เช่นกัน ยิ่งเป็นตลาดที่ demand/supply เกิดจากความรู้สึก ไม่ได้เกิดจากสินค้าจริงยิ่งหมดง่าย นี่คือเป้าหมายของการ Accumulation ก่อนปล่อยราคาขึ้น sm มักมี trick เด็ดอีกอันนึง คือเปิด short order ใหญ่ทีเดียว เพื่อให้ราคาวิ่งลง จนดูเหมือนว่ามันจะ break out ลงข้างล่าง เพื่อล่อลวงแมงเม่าให้เข้ามาเปิด short ให้มากที่สุด แล้ว sm ก็ buy สวน ให้ราคากลับมาในอยู่ใน zone เดิม lock แมงเม่าผู้น่าสงสารไว้ หลังจากนั้น ไม่ว่าใครก็น่าจะมองออกแล้วว่าราคามันไม่ลงไปแล้ว ก็จะเกิด demand ขึ้นในใจของ mass ในขณะที่ไม่มี supply ในตลาด คงไม่ต้องบอกว่าเหตุการณ์ต่อไปเกิดอะไรขึ้น
MarkUp
ถึงตอนนี้ sm นั่งเฉยๆ ดูราคาวิ่งขึ้น เมื่อราคาวิ่งขึ้นไประดับหนึ่ง ก็จะมี mass บางส่วน ปล่อยของทำกำไร ทำให้ราคาตกกลับมา แต่sm จะต้องรักษาเทรนด์เอาไว้เพื่อให้ราคาวิ่งขึ้นต่อจนถึงจุดที่น่าพอใจ แต่ต้องการใช้เงินน้อยที่สุดเค้าจึงทำเพียงแค่หยุดราคาที่ตกเอาใว้ โดยจุดที่เค้ายอมให้มันลงต่ำสุด จนต้องเข้าแทรกคือจุดบนสุดของ accumulation zone แต่หลายครั้งที่ sm ไม่ต้องแทรกแซงใดๆ mass เป็นผู้ดันราคากันขึ้นไปเองด้วยtrend lineบ้าง ด้วยfiboบ้าง ทำให้ sm ได้กำไรแบบเนื้อๆ แค่นั่งดูเฉยๆ
Distribution
เมื่อราคาถึงจุดที่น่าพอใจแล้ว sm ก็จะทำการหลอกล่อให้ mass เชื่อว่าราคามันจะวิ่งขึ้นต่อ เช่นการทำ new high ราคาวิ่งทะลุเส้นแนวต้าน เพื่อให้ mass เชื่อว่าราคาจะขึ้น แล้วเปิด long order โดยจับคู่กับการขายของsm (ปิด long position) ถ้าราคาวิ่งลงมา sm ก็จะดันราคากลับไปใหม่อีก ทำให้เราเห็น pattern จำพวก double top, tripple top, head and shoulder จนเมื่อใกล้หมดก็ปล่อยของทีเดียวหมด ฟาดกำไรจนอิ่ม supply ล้นตลาด ในขณะที่ราคายังสูงอยู่ คงไม่ต้องบอกว่าราคาจะวิ่งลงเร็วขนาดไหน เมื่อมีการขาย (ปิด long position) lot ใหญ่ และยิ่งวิ่งลงเร็วขึ้นเมื่อ mass เกิด panic
MarkDown
เมื่อราคาวิ่งลงมาถึงจุดที่ sm มั่นใจว่าจะปั่น demand ได้อีกครั้งก็จะทำการ mark ช่วงราคาที่จะเริ่มทำ accumulation อีกครั้ง
แล้ว mass ล่ะ mass สามารถเป็นผู้ผลักดันให้เกิดเทรนด์ได้หรือไม่ คำตอบคือได้ นั่นคือช่วงข่าวแรงๆ
แต่หากมองในมุมของ sm แล้ว ถ้าข่าววิ่งทิศเดียวกับ sm sm ก็ยิ่งได้กำไร ถ้าวิ่งทิศตรงข้าม จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้ sm สามารถเปิด order เพื่อจับคู่กับ mass ทีเดียวเป็นจำนวนมากๆ ได้ โดยที่ mass ไม่รู้ตัวเลย
จากกระบวนการทั้งหมดจะพบว่า เมื่อใดก็ตามที่เราขายจับคู่กับ sm ซื้อ หรือเราซื้อจับคู่กับ sm ขาย เราจะมีโอกาสขาดทุนสูงเสมอ เมื่อใดก็ตามที่เรา buy ที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ขายให้เราที่ราคานี้ และเมื่อใดก็ตามที่เราขายที่ราคานี้ ก็คือกำลังมีอีกคนที่ซื้อของเราไปที่ราคานี้ ตามระบบการจับคู่ ก่อนเปิด order ให้หยุดนิดนึง แล้วดูว่าใครกันที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของเรา
Buyer/Seller อีกฝั่งหนึ่งที่คุณลืมนึกถึง
หมายเหตุ
- sm ไม่ได้จะสำเร็จทุกครั้งหรอก แต่เมื่อเค้าเสียเค้าก็เสียให้ในกลุ่ม sm กันเองนั่นแหละ แล้วแต่ว่าจังหวะนั้นใครใหญ่กว่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
น่าอ่านมากๆเลย(ok)เหนือจีนคือยิว
การเลี้ยงลูกในสังคมยิว(ok)"ฉันอยากเป็นแม่ของมหาเศรษฐี คุณกล้าพอที่จะพูดประโยคนี้กับลูกไหม
(pointing)เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงของหญิงชาวจีนเชื้อสายยิวท่านหนึ่ง(ok)ในปี 1992 ตอนที่ฉันตัดสินใจย้ายจากเมืองจีนไปปักฐานใหม่ยังอิสราเอล ลูกชายคนโตอายุ 13 ลูกชายคนที่สองอายุ 12 ส่วนลูกสาวคนเล็ก 10 ขวบ ฉันให้ลูกๆอยู่เมืองจีนไปก่อน
(clap)ที่ตัดสินใจย้ายไปอิสราเอลในตอนนั้น ก็เพราะทนอยู่ในสภาพเดิมๆไม่ได้แล้ว พ่อของฉันเป็นชาวยิวขนานแท้ ย้ายหนีสงครามโลกครั้งที่ 2 มาอยู่เมืองจีน แต่งงานกับแม่ฉันซึ่งเป็นหญิงจีน หลังฉันเกิดไม่นาน แม่ก็ทิ้งพวกเราสองพ่อลูกไป พ่อฉันเสียตอนฉันอายุ 12 ฉันกลายเป็นเด็กกำพร้าเต็มตัว พอโตขึ้น ฉันได้ทำงานในโรงงานถลุงเหล็ก หลังแต่งงานก็มีลูก 3 คน แต่แล้วสามีก็ทิ้งพวกเราไป มันเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความขมขื่น พอดีเป็นช่วงเวลาที่จีนกับอิสราเอลเปิดสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศขึ้นมา ด้วยจิตใจที่อยากหนีให้พ้นๆจากดินแดนแห่งความทุกข์ใจ ฉันเลยกลายเป็นพวกอพยพกลุ่มแรกที่ขอย้ายจากจีนไปอยู่อิสราเอล
(ok)ตอนถึงอิสราเอลใหม่ๆ ความเป็นอยู่ยากลำบากกว่าอยู่ในเมืองจีนเสียอีก ฉันไม่เข้าใจภาษาฮีบรูยุคใหม่ของอิสราเอลเลย (ภาษาฮีบรูแบบโบราณที่พ่อเคยสอนฉันไว้บ้าง เขาเลิกใช้กันแล้ว) ท่ามกลางหมู่คนที่ฉันไม่รู้จักใครเลย แถมยังเป็นบ้านเมืองที่ฉันไม่คุ้นเคย เลยไม่ทราบว่าจะเริ่มทำมาหากินอะไร เงินที่พกติดตัวไปจากเซี่ยงไฮ้คงพอยาไส้ได้สักสามเดือน แต่ฉันมุ่งมั่นว่าต้องหาวิธีอยู่ให้รอด และจะต้องรับลูกๆมาอยู่กับฉันให้ได้ ฉันเริ่มเรียนภาษาเพื่อสื่อสารให้รู้เรื่อง แล้วฉันก็ตัดสินใจตั้งแผงริมถนนขายเปาะเปี๊ยะทอดยึดเป็นอาชีพไว้ก่อน วันๆจะมีกำไรสิบกว่าซิเกิล (หนึ่งซิเกิลเท่ากับเก้าบาทไทยโดยประมาณ) พอการค้าเล็กๆน้อยๆของฉันพอจะพึ่งพาได้ เดือนพฤษภาคมปี 1993 ฉันรับลูกทั้งสามคนมาอยู่ด้วยกันที่อิสราเอล
(ok)ตอนอยู่ที่เมืองจีน แม้จะลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันไม่เคยให้ลูกๆต้องลำบากด้วย พอมาอยู่ที่นี่ ฉันก็ยังคงเลี้ยงลูกในแบบเดิมๆ ซึ่งมันก็คงไม่ต่างจากคนจีนทั่วไป ทุกวันหลังลูกๆ ไปโรงเรียน ฉันกขายปอเปียะไป พอตกบ่ายเลิกเรียน พวกเขาก็จะมาหาฉันที่แผง ฉันก็จะเก็บร้านเลิกขาย แล้วเริ่มหุงหาอาหารมื้อเย็นให้ลูกๆได้กินกัน
(ok)มีอยู่วันหนึ่ง ตอนที่กำลังเตรียมปรุงบะหมี่ให้ลูกๆ เพื่อนบ้านคนหนึ่งเดินมาหาพวกเรา แล้วก็ชี้หน้าลูกชายคนโตพร้อมตำหนิว่า "แกเป็นเด็กโตแล้ว ทำไมไม่ช่วยแม่ทำงานทำการบ้าง อย่าทำตัวเหมือนขยะไร้ค่า" แล้วเธอก็หันมาต่อว่าฉัน "อย่าเอารูปแบบผิดๆที่พกพาจากเมืองจีนมาเผยแพร่ที่นี่ อย่าคิดว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เป็นความรักที่ถูกต้อง" คำพูดของเธอทำพวกเราตกใจมาก เป็นการทำร้ายจิตใจที่ดูโหดร้าย พวกเรารู้สึกแย่เอามากๆ เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันได้แต่ปลอบลูกชายคนโตว่า "ไม่เป็นไรนะลูก แม่ทนได้ แม่รับไหว แม่มีความสุขที่ได้ดูแลลูกๆทุกคน ขอให้ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีที่สุดก็พอแล้ว” "แต่ว่า...." ลูกชายคนโตพูดอย่างครุ่นคิด "คุณน้าคนนั้นอาจจะพูดถูก ผมคิดว่า ผมน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้แม่ได้บ้าง"
(ok)วันถัดมาเป็นวันที่ชาวบ้านไปโบสถ์กัน โรงเรียนเลิกเรียนตอนเที่ยง พอพวกเขามาถึงแผงขายของ ลูกชายคนโตมายืนข้างฉัน แล้วหยิบเอาแผ่นแป้งห่อเปาะเปี๊ยะใส่ไส้แล้วม้วนให้เรียบร้อย นำลงทอดในกระทะจนสุก แม้จะยังดูไม่คล่องแคล่วนัก แต่ความชำนาญก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นในชิ้นต่อๆไป
(ok)การเปลี่ยนแปลงของลูกชายคนโตเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อน นอกจากจะช่วยงานที่แผงขายของแล้ว เขายังเสนอว่าให้พวกเขาเอาเปาะเปี๊ยะทอดไปขายให้เพื่อนๆที่โรงเรียน พวกเขาเอาไปคนละ 20 ชิ้น พอเลิกเรียนกลับมา ทุกคนเอาเงิน 10 ซิเกิลมาให้ฉัน บอกตรงๆ ฉันรู้สึกสะเทือนใจมาก ปล่อยให้ลูกๆที่อายุยังน้อยต้องมาช่วยแบกภาระเรื่องทำมาหากิน แต่ว่าการแสดงออกของพวกเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจเลย พวกเขากลับบอกว่ารู้สึกมีความสุขและความภูมิใจกับการรู้จักหาเงินหาทองได้ตั้งแต่ตอนนี้
(clap)เพื่อนบ้านมักจะแวะมาคุยกับฉันบ่อยๆ บอกเล่าถึงวิธีที่ชาวยิวเลี้ยงลูกหลานกันอย่างไร ต้องให้การศึกษาแก่พวกเขาอย่างไร ชาวยิวจะคิดว่า การหาเงินไม่จำเป็นต้องรอตอนโตแล้ว มันช่างแตกต่างจากคนจีนที่มักคิดว่า "ตอนเป็นเด็กมีหน้าที่ศึกษาหาความรู้อย่างเดียว" แต่ชาวยิวคิดว่า "ตอนเป็นเด็กก็ต้องเริ่มศึกษาวิธีหาเงินหาทองกันแล้ว"
(ok)เพื่อนบ้านบอกฉันว่า ในครอบครัวชาวยิว ไม่มีอาหารฟรี ไม่มีบริการฟรี ทุกอย่างต้องตีค่าเป็นเงิน เด็กทุกคนต้องศึกษาวิธีการหาเงิน เพื่อจะให้ได้มาในสิ่งที่ตนอยากได้ ฉันรู้สึกว่าวิธีการนี้ดูโหดร้ายเกินไป ยอมรับไม่ค่อยได้ แต่ว่า จากสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวพวกเรา เด็กๆถูกซึมซับให้ยอมรับความคิดแบบนี้ได้ง่ายกว่าฉันมากมาย ในที่สุด ฉันตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ฉันเคยดูแลพวกเขา ลองให้พวกเขาปรับเปลี่ยนไปในลักษณะชาวยิวเต็มตัว
(pointing)เราเริ่มจากทุกอย่างในบ้านก่อน ของทุกอย่างในบ้านตีเป็นมูลค่าหมด รวมค่าอาหารและบริการต่างๆที่แม่คนนี้ทำให้ลูกๆ ทุกคนต้องจ่ายค่าอาหาร 100 อาโกรอทต่อมื้อ (100 อาโกรอทเท่ากับ 1 ซิเกิล) ซักเสื้อผ้าครั้งละ 50 อาโกรอท แต่ฉันก็หาโอกาสให้พวกเขามีทางทำมาหากิน ฉันขายเปาะเปี๊ยะทอดให้พวกเขาในราคาขายส่ง ชิ้นละ 30 อาโกรอท แล้วให้พวกเขาไปตั้งราคาขายกันเอง กำไรเป็นของพวกเขา วันแรกที่กลับจากโรงเรียน ถึงจะรู้ว่าทั้งสามคนล้วนมีวิธีการขายที่ไม่เหมือนกันเลย ลูกสาวคนเล็กซื่อหน่อย ขายให้เพื่อนๆในราคา 50 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาทั้งสิ้น 400 อาโกรอท คนที่สองใช้วิธีขายส่ง เขาขายทั้งหมดให้โรงอาหารของโรงเรียน ราคา 40 อาโกรอทต่อชิ้น ได้กำไรมาแค่ 200 อาโกรอท แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ โรงอาหารสั่งให้เขาไปส่งทุกวัน วันละ 100 ชิ้น ส่วนลูกคนโตคิดนอกกรอบกว่าคนอื่น เขาจัดรายการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง "มารู้จักประเทศจีนกันหน่อย" เขาเป็นผู้ดำเนินรายการเอง จุดดึงดูดอีกอย่างของงานก็คือ ทุกๆคนที่เข้าร่วมจะได้ลิ้มรสเปาะเปี๊ยะทอดแบบจีน โดยเขาเก็บค่าผ่านประตูคนละ 10 อาโกรอท เปาะเปี๊ยะทอดทุกชิ้นถูกหั่นเป็นสิบชิ้นเล็ก มีผู้เข้าร่วม 200 คนเต็มความจุ เก็บค่าผ่านประตูได้ 2000 อาโกรอท หลังหักค่าสถานที่ให้โรงเรียนไป 500 อาโกรอท เขายังเหลือกำไรสุทธิ 1500 อาโกรอท
นอกจากวิธีการของลูกสาวที่อยู่ในความคาดคะเนของฉันแล้ว ต้องยอมรับว่าลีลาของลูกชายทั้งสองอยู่เหนือจินตนาการของฉันจริงๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น พวกเขาเปลี่ยนแปลงจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น กลับกลายเป็นเด็กที่มีความคิดในลักษณะพ่อค้าเต็มตัว รู้คุณค่าของเงิน และมุ่งมั่นจะหาเงินให้มากยิ่งขึ้นในรูปแบบที่ถูกต้อง แต่การเรียนของพวกเขาก็ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนเลย
(ok)ลูกชายคนโตได้มีโอกาสเรียนเกี่ยวกับกฏหมายของพวกผู้อพยพเข้าเมือง เขาบอกฉันว่า ครอบครัวที่อพยพเข้ามาในอิสราเอลอย่างบ้านเรา มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเท็จหรือมันจะจริง แต่ก็ลองไปติดต่อทางการดู สุดท้ายก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นเงิน 6000 ซิเกิล นี่เป็นเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับครอบครัวเรา ลูกชายคนโตบอกฉันว่า เงินจำนวนนี้ได้มาเพราะคำแนะนำของเขาแท้ๆ เขาควรได้รับส่วนแบ่ง 10% ฉันตรึกตรองอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจแบ่งให้เขาไป 600 ซิเกิล หลังได้รับเงิน เขาซื้อของขวัญชิ้นงามให้ฉันและน้องๆคนละชิ้น เงินที่เหลือ เขาบอกว่าจะเอาไปต่อทุนเพื่อหาเงินให้ได้มากยิ่งๆขึ้น เขาใช้เงินจำนวนนั้นไปสั่งซื้อเครื่องเขียนจากเมืองจีนส่งผ่านมาให้ทางไปรษณีย์ ราคาเครื่องเขียนที่จีนถูกกว่าของอิสราเอลมากมาย เขานำมาขายให้เพื่อนๆในโรงเรียน พอได้กำไร เขาก็ยังเดินหน้าค้าขายต่อไป หนึ่งปีผ่านไป ตัวเลขบัญชีในธนาคารของเขาเพิ่มเป็น 2000 ซิเกิล แม้ลูกชายคนโตจะรู้จักหาเงินได้มาก แท้จริงแล้ว ลูกชายคนที่สองมีหัวการค้าแบบชาวยิวไม่แพ้พี่เขา ชาวยิวทั้งหลายมีหลักการง่ายๆว่า " ค้าขายอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องลงทุน จะมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ทำอะไรก็ได้ที่คนอื่นยังไม่ได้เริ่มทำ จะมีโอกาสที่ดีที่สุด" ในขณะที่ลูกคนโตกำลังทำเงินกับเครื่องเขียนจากจีน ลูกคนที่สองก็ทำเงินของเขาไปอย่างเงียบๆ เขาใช้หัวคิดจากมันสมองของเขาที่ไม่ต้องลงทุนเป็นตัวเงิน เขาเขียนบทความต่างๆเกี่ยวกับเมืองเซี่ยงไฮ้จากมุมมองของเด็กอายุ 14 คนหนึ่ง เขามีคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์ เขียนอาทิตย์ละ 2 บท บทละประมาณ 1000 ตัวอักษร รายได้ตกเดือนละ 8000 อาโกรอท
(ok)ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้น จะเก็บตัวหน่อยตามภาษาเด็กผู้หญิง ไม่ได้แสดงบทบาทเรื่องหาเงินหาทองมากมายนัก แต่จากตัวเธอ ฉันสามารถรับรู้ถึงกลิ่นไอของชาวยิวที่ชอบมองชีวิตความเป็นอยู่แบบสวยงาม เธอหัดชงชาและทำขนม ทุกๆเย็น เธอจะเตรียมชาไว้กาหนึ่ง แล้วก็มีขนมจากฝีมือเธอเองไม่ซ้ำแบบ พวกเราจะได้นั่งล้อมวง ดื่มชา ทานขนมและพูดคุยกัน ขนมของเธอก็มักจะมีกลิ่นไอจากจีนปะปนอยู่ด้วย ทุกคนที่บ้านชอบกันทั้งนั้น แน่นอน มันไม่ใช่ของฟรี พี่ๆต้องจ่ายค่าขนมให้เธอ หักค่าวัตถุดิบแล้ว น้องสาวสุดท้องก็มีรายได้ที่น่าพอใจ(ok)ตอนนี้บ้านเราไม่จนแล้ว เรามีเงินเก็บพอประมาณ เลยตกลงกันว่าจะเปิดร้านอาหารจีนขึ้นมาร้านหนึ่ง ฉันถือหุ้น 40% ลูกคนโต 30% คนรอง 20% และคนเล็ก 10% ร้านของเราประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นที่นิยมของเหล่านักชิมทั้งหลาย ผู้หญิงจากประเทศจีนคนนี้ก็เลยกลายเป็นคนที่ถูกสังคมจับตามองโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งฉันได้มีโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรียิตซัค ราบินของอิสราเอล ฉันกลายเป็นคนโด่งดังในชั่วข้ามคืน ตอนนี้ฉันสามารถใช้ภาษาฮีบรูของอิสราเอลได้อย่างคล่องแคล่ว บวกกับฉันมีภาษาจีนเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ทำให้ฉันถูกทาบทามโดยบริษัทค้าเพชรของรัฐบาลอิสราเอล ให้ไปเป็นตัวแทนคนแรกของบริษัทประจำประเทศจีน พอฉันย้ายกลับไปอยู่ประเทศจีนอีกครั้ง ลูกๆทั้งสามก็ตามฉันไปด้วย พอเอาลูกๆไปเปรียบเทียบกับเด็กทั่วๆไปในจีน ฉันรู้สึกว่าลูกฉันจะดูโดดเด่นกว่าพวกเขาพอสมควร ก่อนจะกลับไปที่จีนเที่ยวนี้ พวกเขาทั้งสามไปกว้านซื้อสิ่งของต่างๆจากอิสราเอลไว้มากมาย พอพวกเขาเข้าเรียนได้ไม่นาน ครูของโรงเรียนแวะมาคุยกับฉัน บอกว่าเด็กๆนำเอาของมากมายจากอิสราเอลไปขายที่โรงเรียน มีตั้งแต่เครื่องประดับ เสื้อผ้า ของเล่น หรือแม้กระทั่งปลอกกระสุนเปล่าก็ไม่เว้น ครูอยากให้ฉันช่วยดูแลเด็กๆให้อยู่ในกรอบหน่อย ฉันบอกครูว่า ฉันไม่สามารถห้ามการกระทำของพวกเขา นี่เป็นวิธีหาเงินเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนของพวกเขาเอง เพราะฉันไม่ได้รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของพวกเขาอีกแล้ว ครูทั้งตกใจและแปลกใจ เขาไม่เข้าใจว่าคนมีเงินเดือนสูงในบริษัทข้ามชาติอย่างฉัน จะไม่รับผิดชอบค่าเล่าเรียนของลูกๆ ฉันเชิญครูทานขนมที่ลูกสาวคนเล็กทำไว้ขายในบ้าน ชิ้นละ 2 หยวน ฉันบอกครูด้วยรอยยิ้มว่า "นี่คือผลพลอยได้ของการได้อยู่อิสราเอลในหลายปีนี้ สอนให้เด็กๆได้เรียนรู้วิธีการดำเนินชีวิตของชาวยิว และฉันก็เชื่อว่าพวกเขาทุกคนจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพแน่นอน..ในที่สุด (ok)ลูกคนโตตัดสินใจเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เขาต้องการจะเป็นมืออาชีพของวงการท่องเที่ยวให้ได้ เขาตั้งใจจะไปเปิดบริษัทบริการท่องเที่ยวที่อิสราเอล เพื่อเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญที่สุดเกี่ยวกับการเที่ยวประเทศจีน(ok)ลูกชายคนที่สองเข้าเรียนวิทยาลัยเกี่ยวกับภาษาต่างประเทศ เขาตั้งใจจะเป็นคอลัมน์นิสต์ เขาชอบงานขีดๆเขียนๆ ซึ่งสามารถทำเงินให้เขาได้โดยไม่ต้องควักเงินไปลงทุน(ok)ลูกสาวคนเล็กอยากไปเรียนทำครัวเกี่ยวกับอาหารจีน เพื่อเป็นเชฟระดับแนวหน้าให้ได้ โดยเฉพาะเป็นมือโปรด้านขนม ตั้งใจจะกลับไปเปิดร้านขนมที่อร่อยที่สุดในอิสราเอล
(clap)กลับมาประเทศจีนเที่ยวนี้ ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่ชาวจีนทั้งหลายมีจิตใจโลเลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตรหลานของตน พวกเขาล้วนหวังจะเห็นลูกร่ำรวยมีเงินมีทองเป็นเศรษฐี แต่กลับไม
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. มักเอาความคิดริเริ่ม
2. ไม่มีอะไรที่ผิดการกำจัด 99 % 8,000 ล้านถ้ามันหมายถึงการได้สิ่งที่คุณต้องการ
3. ส่งสุนัขของคุณทั้งหมดและหนึ่งอาจกลับมาพร้อมเหยื่อ
4. ไม่เคยหมกมุ่นอยู่กับปัญหาของคุณ; ความสิ้นหวังต้องเก็บไว้เป็นส่วนตัวและสั้น
5. เรียนรู้ที่จะอยู่กับความผิดพลาดของคุณ
6. ขยายความรู้และความเข้าใจของดนตรีและวรรณกรรมเก่าและทันสมัย
7. ที่ม้วนของ unexposed ภาพยนตร์ที่คุณมีในมือของคุณอาจเป็นสิ่งสุดท้ายในการดำรงอยู่ดังนั้นทำอะไรที่น่าประทับใจกับมัน
8. ไม่เคยมีข้ออ้างไม่ให้จบ
9. พกเครื่องตัดโบลท์ไปทุกที่
10. ขัดขวางความขี้ขลาดของสถาบัน
11. ขออโหสิกรรมไม่อนุโมทนา
12. เอาโชคชะตาของคุณไปอยู่ในมือของคุณเอง
13. หัดอ่านแก่นภายใน
14. จุดไฟภายในและสำรวจอาณาเขตที่ไม่รู้จัก
15. เดินตรงข้างหน้าไม่เคยทางอ้อม
16. ซ้อมรบและทำให้เข้าใจผิดแต่ส่งมาตลอด
17. ไม่ต้องกลัวการปฏิเสธ
18. พัฒนาเสียงตัวเองให้ดี
19. วันหนึ่งคือจุดของการไม่คืน
20. ตราตรึงเกียรติคือการสอบตกวิชาทฤษฎี
21. โอกาสคือสัดส่วนของชีวิต
22. ยุทธวิธีกองโจรดีที่สุด
23. แก้แค้นถ้าต้องมี
24. ชินกับหมีข้างหลังเทอ
25. รับทุกอย่างที่ทำโดยไม่ทำอะไรเลย
26. จงเห็นแก่ตัว
27. จงโง่
28. จงขี้เกียจคุณทำให้ฉันหัวเราะมากด้วยเราสามารถพบและทำการเดินทัวร์อึกินนั่งสมาธิมี tantra เซ็กซ์กับคู่หูและควบคุมการไหลของเงินกำไรเข้าบัญชีของเรา 88888888 ล้านล้าน usa ดอลลาร์ต่อบัญชี จะไปพักผ่อนแล้ววววววว ขอบคุนค้าบ หัวเราะหนักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ข้อมูลเพิ่มเติม
YouTube
: Forex : For = Foreign, Ex = Exchange : คลิปโดดเด่นปี
2561 https://bit.ly/2yOjZsS
--------------------------------------------------------------------------------------------------
[For-Lek-Laak-Yaa] คุณได้รับคำเชิญสู่ห้องแชท "For-Lek-Laak-Yaa"
ผู้ให้บริการเทรดระบบหุ่นยนต์
ฟอร์เหล็กลากหญ้า ให้บริการอะไรบ้าง แก่นักลงทุนทั่วโลก
1.ให้บริการ EA ช่วยเทรด (ฟรี) เมื่อ ต่อไอบี เข้าทีมพี่เฉิน
เรียบร้อย พร้อมกับ สอนการใช้งาน ทุกวันเสาร์
---------------------------------------------------------
2.ให้บริการ
ดูแลพอต ตั้งแต่ 2,000 ขึ้นไป ค่าแรง 30%
--------------------------------------------------------
3.ให้บริการก็อปปี้เทรดจาก
FBS ทุนมาสเตอร์เริ่มต้น 1000 $ ขึ้นไป
ระบบก็อปปี้เทรด
FBS โดยใช้งาน แอปทางมือถือเท่านั้น
ลิงค์สาธารณะ
: https://fbs.co.th/copytrade/26046
ลิงค์สาธารณะ
: https://fbs.co.th/copytrade/26047
หรือ เสริชคำว่า พอตเทรดคำที่ 1 SARAWIN / พอตเทรดคำที่ 2 SARAXU
4.บริการสอนออนไลน์ผ่านกลุ่มไลน์ฟรี
ทุกๆวันอาทิตย์ แก่ผู้สนใจจะลงทุนทั่วโลก
----------------------------------------------------------------------
5.โบรกเกอร์ ต้องการให้เราทำการตลาดในเมืองไทย ติดต่อ ข้อเสนอมาได้ 24 ช.ม.
สนใจเปิดร้านซื้อ-ขาย
ทองคำออนไลน์
มี
ผจกดูแลผลประโชยน์ให้
มีพนักงานประจำร้าน
สิ้นเดือนเคลียร์กำไรทุหๆวันที่
1-5
ติดต่อสอบถามได้
48ช.ม.
******************************************
ตัวอย่างที่เทรดด้วย AI For-Lek-Laak-Yaa ทีมงานเปิดอบรมใช้งานระบบแบบมืออาชีพทุกวันเสาร์
---------------------------------------------------
เปิดบัญชีเทรดทอง
วันที่ 31-8-2561
ทุน
1000ดอล
ประวัติ์การเทรดและฝีมือการปรับแต่งระบบ
ทุกวันเสาร์
ลิงค์แบบย่อ
: https://bit.ly/2zDg8iP
--------------------------------------------------
ประวัติ์การเทรดและฝีมือการปรับแต่งระบบ
ทุกวันเสาร์
เปิดบัญชีเทรดทอง
วันที่ 15-11-2561
ทุน
2000 ดอล
ลิงค์แบบย่อ
: https://bit.ly/2PpQpoG
ลิงค์แบบเต็ม
: https://www.myfxbook.com/members/prajob/2000--xu-โทร0879181778/2751447/j6gogVQprnaBKxDl0van
-------------------------------------------------------
ประวัติ์การเทรดและฝีมือการปรับแต่งระบบ
ทุกวันเสาร์
เปิดบัญชี
เทรด UJ EJ GU EU
ทุน
2000ดอล
ลิงค์แบบย่อ
: https://bit.ly/2PwzyAP
-----------------------------------------------------
สไตล์การลงทุนในตลาด
forexe เทรดแบบกำไรเฉลี่ยเดือนละ 10%
ถ้าได้เกินถือว่า ของขวัญชีวิตแต่ละเดือน ไม่เร่งรีบกำไร
เน้นปลอดภัยจากสภาวะตลาดป่วนๆ
------------------------------------------------------------------
เปิดร้านซื้อขาย
"สกุลเงินออนไลน์" งบลงทุน 10,000 ดอลล่า(320,000บาท)
ลิงค์แบบย่อ(ประวัติ์การเทรด+ซื้อขาย24ช.ม.)
: https://bit.ly/2PQFjtd
ลิงค์แบบเต็ม(ประวัติ์การเทรด+ซื้อขาย24ช.ม.)
: https://www.myfxbook.com/members/prajob/sara-for-lek-laak-yaa/2764342/S5rCyphq9K2qoOYKx57F
------------------------------------------------------------------
เปิดร้านซื้อขาย
"ทองคำออนไลน์ " งบลงทุน 30,000 ดอลล่า(960,000บาท)
ลิงค์แบบย่อ(ประวัติ์การเทรด+ซื้อขาย24ช.ม.)
: https://bit.ly/2QijxOl
ลิงค์แบบเต็ม(ประวัติ์การเทรด+ซื้อขาย24ช.ม.)
: https://www.myfxbook.com/members/prajob/sara-for-lek-laak-yaa/2764333/rpITKc3C5HC1rduHUMfs